FAQs
}
?>
ถาม - ตอบทั่วไป
Piggipo คืออะไร?
พิกกิโปะ คือแอพพลิเคชั่นที่ช่วยจัดการการใช้บัตรเครดิต แก้ปัญหาการใช้บัตรเครดิตเกินตัว และทำให้การใช้บัตรเครดิตของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Limit Spending คืออะไร และ หน้าหมูที่เปลี่ยนอารมณ์ไป เพราะเหตุใด?
Limit Spending รวมคือจำนวนเงินทั้งหมดที่คุณตั้งใจไว้ว่าจะใช้จ่ายไม่เกินในรอบเดือนนั้นๆ ซึ่งอาจจะเป็นได้ทั้งวงเงินทั้งหมดที่คุณได้รับ หรือตัวเลขวงเงินที่คุณไม่อยากใช้เกิน โดย Limit Spending รวมนั้นเกิดจากค่า Card Limit ของแต่ละบัตร (ที่คุณกำหนดตอนสร้างบัตร) มารวมกัน โดย Limit Spending รวมนี้จะส่งผลต่ออารมณ์ของหมู ดังต่อไปนี้
หมูยิ้ม : หมายถึงยังใช้จ่ายอยู่ในปริมาณที่กำหนด ควบคุมได้ สบายใจได้
หมูเริ่มเศร้า : หมายถึงอยู่ในสภาวะต้องระวัง คุณใช้บัตรใกล้ถึง Limit ที่ตั้งไว้แล้ว
หมูร้องไห๊ : หมายถึงคุณได้ใช้จ่ายบัตรจนถึงหรือเกิน Limit ที่ตั้งไว้แล้ว
หมูหน้าซีด : หมายถึง กรณีที่ไม่สามารถบันทึกข้อมูลบางอย่างได้ ทำให้ระบบแจ้งเตือนเพื่อให้กดบันทึกใหม่อีกครั้ง อาจเป็นเพราะ ไม่มีการเชื่อมต่อ Internet
Billbox คืออะไร และมีไว้ทำอะไร?
กล่องบิลมีหน้าที่เก็บรวบรวมบิลค่าใช้จ่ายที่คุณได้ใช้ เพื่อใช้ในกรณีต่างๆ 3 กรณีดังนี้
1. ใช้ในการตรวจสอบ ความถูกต้องของยอดชำระเงินที่แบงค์ส่งบิลมาเรียกเก็บ
2. ใช้ในการแจ้งเตือนการจ่ายเงิน และสามารถกดจ่ายเงินแบบผ่อนเต็มจำนวน หรือผ่อนขั้นต่ำ เข้าไปในระบบได้จากหน้านี้ เพื่อนำไปสู่การช่วยคิดคำนวณดอกเบี้ยในรอบบิลถัดไป
3. ใช้ในการจ่ายเงินเพื่อเพิ่มวงเงิน หรือเพิ่มเครดิตให้กับคนที่จ่ายก่อนถึงวันปิดรอบบิล
Alert Notification คืออะไร?
ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ สามารถเปิด/ปิดได้ในตอนสร้างบัตร และระบุวันที่จะให้แจ้งเตือนล่วงหน้า เพื่อแก้ปัญหาสำหรับคนที่ชอบลืมชำระค่าบัตรเครดิต
ศัพท์ทางเทคนิคด้านการใช้บัตรเครดิตต่างๆ ที่ใช้ในแอพ?
1. Closing date : วันตัดรอบบิลของคุณ
2. Payment duedate : วันชำระเงินที่แบงค์กำหนด
3. Card Limit : วงเงินบัตรหรือจำนวนเงินที่คุณตั้งใจว่าจะไม่ใช้เกิน
4. Installment : การจ่ายแบบผ่อนชำระ
5. ผ่อนแบบดอกเบี้ยคงที่ : เช่นผ่อน มือถือ 0% 10 เดือน
6. ผ่อนแบบลดต้นลดดอก : เช่นผ่อนชำระระยะยาว คล้ายการผ่อนบ้าน เป็นต้น
7. Cashback : เงินที่คุณได้คืนจากธนาคาร โดยเพิ่มรายการได้ในหน้าบันทึกค่าใช้จ่าย
8. Total Balance : จำนวนเงินทั้งหมดที่คุณต้องชำระในรอบบิลนั้นๆ รวมเงินที่ใช้ในรอบนั้น และยอดผ่อนทั้งหมด
9. Spending this period : จำนวนเงินที่คุณใช้จ่ายไปในรอบบิลนั้น
Alert Notification คืออะไร?
ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ สามารถเปิด/ปิดได้ในตอนสร้างบัตร และระบุวันที่จะให้แจ้งเตือนล่วงหน้า เพื่อแก้ปัญหาสำหรับคนที่ชอบลืมชำระค่าบัตรเครดิต
ถาม - ตอบเกี่ยวกับระบบรายการอัตโนมัติ
ทำไม Piggipo ถึงต้องให้ใส่ชื่อผู้ใช้งาน (user name) และ รหัสผ่าน (passwords) ของ Online Banking ?
Piggipo จำเป็นต้องให้คุณใส่ ชื่อผู้ใช้งาน (user name) และ รหัสผ่าน (passwords) เพื่อให้เราสามารถช่วยดาวน์โหลดและจัดหมวดหมู่ข้อมูลการทำธุรกรรมของคุณแบบอัตโนมัติ นอกจากนี้ระบบจะแจ้งเตือนคุณทันที เมื่อตรวจสอบพบรายการใช้จ่ายที่มียอดสูงหรือรายการที่ผิดปกติ โดยเราจะใช้ข้อมูลที่คุณให้มาเพื่อสร้างการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยกับธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิตของคุณ เพื่อคอยช่วยคุณจัดระเบียบและจัดการบัญชีของคุณได้อย่างสะดวกสบายไร้กังวล
Piggipo มีระบบและวิธีการรักษาความปลอดภัยอย่างไรบ้าง ?
ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย ข้อมูลของคุณจะถูกป้องกันไว้อย่างปลอดภัย ในฐานข้อมูลแยกจากกันโดยใช้ฮาร์ดแวร์หลายชั้น และการเข้ารหัสซอฟท์แวร์รับรองด้วย SSLCertificate ที่มีรายละเอียดการเข้ารหัสสูงถึง 256 bit ซึ่งเป็นมาตราฐานความปลอดภัยระดับสูงแบบเดียวกับที่สถาบันการเงินทั่วโลกใช้
นอกจากนี้ระบบเชื่อมต่อกับธนาคารยังได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากสถาบันที่มีชื่อเสียงทางด้าน Online Security ไม่ว่าจะเป็น PCI-DSS, US-EU Safe Harbor, TRUSTe, และ APEC CBPR โดยเราจะเก็บข้อมูลที่จำเป็นเพื่อใช้ในการอัพเดทรายการใช้จ่ายแบบอัตโนมัติ และตรวจสอบรายการที่ผิดปกติเท่านั้น
ทำไมถึงมี e-mail แจ้งเตือนการอัพเดทรายการอัตโนมัติทุกวัน ?
Piggipo จะอัพเดทรายการใช้จ่ายแบบอัตโนมัติ และตรวจสอบรายการที่ผิดปกติของคุณทุกวัน โดยทุกครั้งที่มีการอัพเดทรายการฯ ระบบจะส่งอีเมลล์เพื่อแจ้งเตือนให้คุณทราบและมั่นใจได้ว่าเป็นระบบของเราที่ทำการอัพเดทบัญชีของคุณ
เมื่อรูดบัตรเครดิตแล้ว รายการใช้จ่ายจะแจ้งเตือนในแอพพลิเคชั่น Piggipo ทันทีเลยหรือไม่ ?
รายการใช้จ่ายจะแจ้งเตือนในแอพพลิเคชั่น Piggipo หลังจากคุณรูดบัตรเครดิตแล้วภายใน 1-3 วัน หากรายการใช้จ่ายยังไม่แจ้งเตือน สามารถแจ้งปัญหาการใช้งานได้โดยการกดปุ่ม รายงานปัญหา จากภายในแอพพลิเคชั่นได้ตลอด 24 ชั่วโมง
จะมีใครนำข้อมูลที่ฉันใส่ไว้ใน Piggipo ไปใช้ได้หรือไม่ ?
Piggipo ให้ความสำคัญและคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของลูกค้า เรามี ข้อกำหนดและเงื่อนไข ในการใช้งานอย่างชัดเจนก่อนที่คุณจะเริ่มจะใช้งานแอพพลิเคชั่น คุณจึงมั่นใจได้ว่าข้อมูลความเป็นส่วนตัวของคุณจะถูกเก็บรักษาไว้เป็นความลับ ไม่มีการขายหรือส่งต่ออีเมลล์แอดเดรสและข้อมูลส่วนตัวของคุณให้กับบุคคลอื่นโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากคุณ
บัตรเครดิตจะถูก Hackหรือไม่ และเงินในบัญชีจะหายได้หรือไม่ ?
แอพพลิเคชั่นไม่มีการให้คุณใส่ข้อมูลส่วนตัวทั้งชื่อและนามสกุล, ไม่มีการให้ใส่เลขบัตรเครดิต 16 หลัก, เลขท้าย 3 ตัวหลังบัตรเครดิต (CVV) และวันหมดอายุของบัตร ดังนั้นแอพพลิเคชั่นจึงไม่สามารถทำธุรกรรมใดๆได้ หรือจะเรียกได้ว่าใช้สำหรับดูข้อมูลได้เพียงอย่างเดียว อีกทั้งการทำธุรกรรมในการซื้อขายหรือโอนเงินจำเป็นที่จะต้องใช้ one-time password (OTP) จึงมั่นใจได้ว่าบัตรเครดิตของคุณจะไม่ถูก Hackและเงินในบัญชีจะไม่หายอย่างแน่นอน
มีวิธีการป้องกัน Piggipo Account ได้อย่างไรบ้าง ?
- กรุณาอย่าบอกรหัสผ่านของคุณกับใครอย่างเด็ดขาด
- ตั้งรหัสผ่าน ที่มีทั้งตัวอักษรและตัวเลขผสมกัน
- เปิดระบบการตั้งรหัสผ่าน เป็นตัวเลข 4 หลัก หรือ ระบบTouch ID (สำหรับ iPhone) ก่อนเข้าใช้งานแอพพลิเคชั่น
- อย่าติดตั้งโปรแกรมจากบุคคลหรือบริษัทที่คุณไม่รู้จัก
จะมีใครมาแอบใช้งาน Piggipo Account ของฉันได้หรือไม่ ?
เรามีระบบตั้งรหัสผ่านเป็นตัวเลข 4 หลัก (Passcode) หรือ ระบบTouch ID (สำหรับ iPhone) ก่อนเข้าใช้งานแอพพลิเคชั่น จึงมั่นใจในเบื้องต้นได้ว่าจะไม่มีใครมาแอบใช้งาน Piggipo Account ของคุณได้ ยกเว้นแต่บุคคลนั้นจะรู้รหัสผ่านของคุณ นอกจากนี้เพื่อความปลอดภัยที่มากยิ่งขึ้น ระบบจะมีการแจ้งเตือนคุณทุกครั้ง ผ่านทางอีเมลล์ที่คุณลงทะเบียนสมัคร Piggipo Account หากมีการเข้าใช้งานจากอุปกรณ์เครื่องอื่น
ถ้ามือถือหาย หรือมีคนขโมยมือถือไปจะทำอย่างไร ?
คุณสามารถเข้าสู่ระบบผ่านทาง www.piggipo.com เพื่อล๊อค Account ตัดการเชื่อมต่อ หรือลบข้อมูลใน Piggipo Account ของคุณได้ทันที เพียงเท่านี้ข้อมูลของคุณก็จะไม่มีใครเข้าถึงได้อย่างแน่นอน
ยกเลิกการเชื่อมต่อกับธนาคารได้อย่างไร ?
หากคุณต้องการยกเลิกการเชื่อมต่อกับธนาคาร คุณสามารถเข้าไปที่แอพพลิเคชั่น เลือกเข้าไปหน้ารายละเอียดบัตรที่คุณเชื่อมต่ออยู่ และกดเข้าไปในเมนู Sync (แถบสีเขียวข้างในรูปบัตร) จากนั้นกดปุ่ม Disconnect Account ในหน้า สถานะการเชื่อมต่อ เพียงเท่านี้บัญชีของคุณก็จะไม่ถูกเชื่อมต่อกับธนาคารอีกต่อไป
if($_GET['mobile']=="")
{
?>